คำสั่งควบคุม ( Control Statement) 
 การ
เขียนโปรแกรมสั่งงานจะมีบางขั้นตอนที่จะต้องมีทางเลือกหรือทำซ้ำให้กับ
โปรแกรม เพื่อกำหนดวิธีการประมวลผลโดยอาศัยตัวแปรและค่าของตัวแปร 
โดยการระบุเงื่อนไขเพื่อกำหนดให้เป็นทางเลือกหรือการทำซ้ำ 
ถ้าค่าตัวแปรตรงกับค่าที่กำหนดในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ให้โปรแกรมปฏิบัติการ
ตามคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคำสั่งควบคุมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 
คำสั่งเพื่อการวนรอบ และคำสั่งเพื่อการกำหนดเงื่อนไข 
โดยในบทนี้จะกล่าวถึงคำสั่งเพื่อการวนรอบ
        คำ
สั่งควบคุม ( Control Statement) 
ทำหน้าที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามเงื่อนไขหรือรูปแบบที่ผู้พัฒนาโปรแกรม
ต้องการ ซึ่งคำสั่งควบคุมแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ
       1.คำสั่งเพื่อการวนรอบ ( Loop Statement)
       2.คำสั่งเพื่อการกำหนดเงื่อนไข (Conditional Statement)
        การ
เขียนโปรแกรมสั่งงานจะมีบางขั้นตอนที่จะต้องมีทางเลือกหรือทำซ้ำให้กับ
โปรแกรมเพื่อกำหนดวิธีการประมวลผลโดยอาศัยตัวแปรและค่าของตัวแปร 
โดยการระบุเงื่อนไขเพื่อกำหนดให้เป็นทางเลือกหรือการทำซ้ำ 
ถ้าค่าตัวแปรตรงกับค่าที่กำหนดในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ให้โปรแกรมปฏิบัติการ
ตามคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในบทนี้จะกล่าวถึงคำสั่งเพื่อการวนรอบ 
ส่วนคำสั่งเพื่อการกำหนดเงื่อนไข
คำสั่งเพื่อการวนรอบ ( Loop Statement)
           คำ
สั่งเพื่อการวนรอบหรือเพื่อการทำซ้ำ 
เป็นคำสั่งที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลเหตุการณ์ที่ต้องการทำซ้ำ ๆ
 มากกว่าหนึ่งครั้งโดยการตรวจสอบเงื่อนไข ซึ่งประกอบด้วย
• ฟังก์ชัน for• ฟังก์ชัน While• ฟังก์ชัน Do…while• ฟังก์ชัน break• ฟังก์ชัน continueคำสั่งเพื่อการกำหนดเงื่อนไข ( Conditional Statement)รูป แบบการตัดสินใจในการทำงานหรือทางเลือกที่จะต้องมีการตัดสินใจเลือกทำสิ่งใด สิ่งหนึ่ง เปรียบได้กับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น คุณจะอาบน้ำหรือทานข้าวก่อนไปทำงาน คุณจะขับรถหรือนั่งรถโดยสารไปเรียนหนังสือ เป็นต้น โดยทางเลือกในการทำงานจะมีอยู่ 2 เงื่อนไข คือ ทางเลือกที่เป็นจริง และทางเลือกที่เป็นเท็จ ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีทางเลือกเพื่อประมวลผลหรือกระทำการใด ๆ เพื่อจะให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการคำสั่งเพื่อการกำหนดเงื่อนไข
- ฟังก์ชัน if (เงื่อนไขทางเลือกเดียว)
 - ฟังก์ชัน if…else (เงื่อนไขสองทางเลือก)
 - ฟังก์ชัน if-else-if (เงื่อนไขหลายทางเลือก)
 - ฟังก์ชัน switch (ทางเลือกหลายทาง)
 
การเขียนโปรแกรมกำหนดเงื่อนไข (Conditional 
statements) 
คือการดำเนินการเงื่อนไขที่แตกต่างกันเพื่อทำงานบางอย่างที่เรากำหนดไว้ 
ซึ่งบ่อยครั้งที่เราเขียนโค๊ด จะต้องมีการทำงานคำสั่งแบบทางเลือก ซึ่งใช้ 
logic ในการคิดซึ่งผลลัพธ์ของเงื่อนไขจะออกมาเป็น ถูก (True) หรือ ผิด 
(False)
 - if statement - ใช้สำหรับทำคำสั่งเมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
 - if...else statement - ใช้สำหรับทำคำสั่งใน if เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง และ else เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ
 - if...elseif...else statement - ใช้สำหรับเลือกเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นจริง elseif และถ้าเงื่อนไขไม่เป็นจริงจะทำคำสั่งใน else
 - switch statement - เป็นคำสั่งที่กำหนดเงื่อนไขด้วยตัว แปร 1 ตัวแปร ซึ่งถ้าตัวแปรไปตรงเงื่อนไขจะทำงานตามที่ต้องการ และหยุดการทำงาน หรือจะทำเงื่อนไขอื่นต่อได้อีก
 
IF Statement
ใช้สำหรับทำคำสั่งตามเงื่อนไขที่เป็นจริง
รูปแบบ
1 
 | if (condition) code to be executed if condition is true; | 
ตัวอย่าง
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
 | <html>    <body>         <?php    $d=date("D");    if ($d=="Fri") echo "Have a nice weekend!";    ?>         </body>    </html> | 
จากตัวอย่าง:จะได้ผลลัพธ์ "Have a nice weekend!" ถ้าเงื่อนไขตัวแปรเป็น Fri
* คำเตือน: คำสั่งนี้จะไม่มี else อยู่ในคำสั่ง โค๊ดจะถูกประมวลผลเฉพาะใน if เท่านั้นถ้าเงื่อนไขเป็นจริง
IF...Else Statement
ใช้สำหรับทำคำสั่งใน if เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง และ else เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ
รูปแบบ
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
 | if (condition)    {      โค๊ดจะถูกประมวลผลถ้าเงื่อนไขเป็นจริง;    }    else    {      โค๊ดจะถูกประมวลผลถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ;    } | 
ตัวอย่าง
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
22 
23 
24 
25 
26 
27 
28 
29 
30 
31 
32 
33 
 | <html>    <body>         <?php    $d=date("D");    if ($d=="Fri")      {      echo "Have a nice weekend!";      }    else      {      echo "Have a nice day!";      }    ?>         </body>    </html> | 
จากตัวอย่าง: ถ้าตัวแปร $d มีค่าเท่ากับ Fri จะทำคำสั่ง IF ซึ่งได้ผลลัพธ์ Have a nice weekend แต่ถ้าไม่จะแสดงผล Have a nice day!
IF...Elseif...Else Statement
ใช้สำหรับเลือกเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นจริง elseif และถ้าเงื่อนไขไม่เป็นจริงจะทำคำสั่งใน else
รูปแบบ
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
22 
23 
 | if (ตัวเลือก1)      {      จะแสดงผลเมื่อ ตัวเลือก1 เป็นจริง;      }    elseif (ตัวเลือก2)      {      จะแสดงผลเมื่อตัวเลือก2 เป็นจริง;      }    else      {      จะแสดงผลเมื่อ ตัวเลือก1 และ ตัวเลือก2 เป็นเท็จ;      } | 
ตัวอย่าง
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
22 
23 
24 
25 
26 
27 
28 
29 
30 
31 
32 
33 
34 
35 
36 
37 
38 
39 
40 
41 
 | <html>    <body>         <?php    $d=date("D");    if ($d=="Fri")      {      echo "Have a nice weekend!";      }    elseif ($d=="Sun")      {      echo "Have a nice Sunday!";      }    else      {      echo "Have a nice day!";      }    ?>         </body>    </html> | 
จากตัวอย่าง: ถ้าตัวแปล $d มีค่าเท่ากับ Fri จะแสดงผลในตัวเลือกที่1 ว่า "Have a nice weekend!" แต่ถ้า $d มีค่าเท่ากับ Sun จะแสดงผลว่า "Have a nice Sunday!" และถ้า $d ไม่เท่ากับ Fri และ Sun ให้แสดงผลลัพธ์ "Have a nice day!"
Switch Statement
เป็นคำสั่งที่กำหนดเงื่อนไขด้วยตัวแปร 1 ตัวแปร ซึ่งถ้าตัวแปรไปตรงเงื่อนไขจะทำงานตามที่ต้องการ และหยุดการทำงาน หรือจะทำเงื่อนไขอื่นต่อได้อีก
รูปแบบ
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
 | switch (n)    {    case label1:      code to be executed if n=label1;      break;    case label2:      code to be executed if n=label2;      break;    default:      code to be executed if n is different from both label1 and label2;    } | 
ตัวอย่าง
1 
2 
3 
4 
5 
6 
7 
8 
9 
10 
11 
12 
13 
14 
15 
16 
17 
18 
19 
20 
21 
22 
23 
24 
25 
26 
27 
28 
29 
30 
31 
32 
33 
34 
35 
36 
37 
38 
39 
40 
41 
42 
43 
44 
45 
 | <html>    <body>         <?php    $x=1;    switch ($x)    {    case 1:      echo "Number 1";      break;    case 2:      echo "Number 2";      break;    case 3:      echo "Number 3";      break;    default:      echo "No number between 1 and 3";    }    ?>         </body>    </html> | 
จากตัวอย่าง: กำหนดตัวแปร $x=1; จากนั้นเอาค่า $x ไปหาผลลัพท์ที่ switch โดยที่ case 1 คือ ถ้าตัวแปร $x มีค่าเท่ากับ 1 ให้แสดงผล (echo) "Number 1" และออกจากการหาเงื่อนไข break; แต่ถ้าไม่มีเงื่อนไขใดๆตรงกัน จะมี default: คอยกำหนดค่าแสดงผลให้ "No number between 1 and 3"
สรุป
ในการเขียนโปรแกรมเราจะได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคำสั่งนี้บ่อยมากๆ เพราะเป็นการกำหนดทางเลือกของโปรแกรมและการไหลของโปรแกรม Condition Statement จึงสำคัญและเป็นส่วนโปรแกรมที่โปรแกรมเมอร์ควรจะใช้งานให้ได้คล่องแคล่วครับ



I really appreciate your support on this.
ReplyDeleteLook forward to hearing from you soon.
I’m happy to answer your questions, if you have any.
เล่นบาคาร่า
เครดิตฟรี
เล่นบาคาร่า