ภาษาคอมพิวเตอร์ Computer Programming Language
ภาษาคอมพิวเตอร์ Computer Programming Language หมายถึง สัญลักษณ์ที่ผู้คิดพัฒนาภาษากำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนการสื่อสาร / สั่งงาน ระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ การพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์เริ่มต้นจากการเขียนคำสั่งด้วยรูปแบบเลขฐานสอง และปัจจุบันพัฒนามาใช้คำสั่งที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษ
ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
แบ่งได้เป็น 5 ประเภท
ภาษาเครื่อง(Machine Language)
ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Language)
ภาษาระดับสูง(High-Level Language)
ภาษาระดับสูงมาก(Very High-Level Language)
ภาษาธรรมชาติ(Natural Language)
ภาษาเครื่อง(Machine Language)
-เป็นภาษาระดับต่ำ
-ใช้คำสั่งที่ประกอบด้วยเลขฐานสอง(Binary Digit หรือ bit) เช่น 01010110 00011001
-ใช้เลข 0 และ 1 เป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาณไฟปิดและเปิด ตามลำดับ
-ภาษาเครื่องเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้โดยตรง จึงไม่ต้องมีตัวแปลภาษา
-โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาเครื่อง จะใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้พัฒนาโปรแกรมเท่านั้น
(machine -dependent)
ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Language)
-เรียกอีกอย่างว่า “ภาษาสัญลักษณ์” เป็นภาษาระดับต่ำ
-ใช้รหัสเป็นคำแทนคำสั่งภาษาเครื่อง เป็นคำสั่งสั้น ๆ ที่จดจำได้ง่าย เรียกว่า นิวมอนิกโค้ด(mnemonic code) เช่น
A แทน การบวก(Add)
C แทน การเปรียบเทียบ(Compare)
MP แทน การคูณ(Multiply)
STO แทน การเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ(Store)
โปรแกรมภาษาแอสเซมบลี ต้องทำการแปลด้วยโปรแกรมแปลภาษาที่เรียกว่า แอสเซมเบลอ(Assembler) ซึ่งจะแปลโปรแกรมต้นฉบับ(Source code)ที่เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี ให้เป็น ภาษาเครื่อง
ภาษาระดับสูง(High-Level Language)
-ใช้รูปแบบคำภาษาอังกฤษแทนรหัสคำสั่งต่าง ๆ และสามารถใช้นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ได้
-เป็นภาษาแบบโพรซีเยอร์ (Procedural Language)
-โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาระดับสูง สามารถทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันได้
-โปรแกรมที่พัฒนาจากภาษาระดับสูง ต้องทำการแปลคำสั่งโปรแกรมต้นฉบับ(Source code) ที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง
-ตัวอย่างภาษาระดับสูงเช่น ภาษาเบสิก ภาษาปาสคาล ภาษาซี ภาษาโคบอล ภาษาฟอร์แทรน เป็นต้น
ภาษาระดับสูงมาก(Very High-Level Language)
-ใช้คำภาษาอังกฤษแทนคำสั่งงาน เช่นเดียวกับ ภาษาระดับสูง
-เป็นภาษาแบบไม่เป็นโพรซีเยอร์ (non-procedural language)
-เขียนง่ายและสะดวกกว่าภาษาระดับสูง
-ตัวอย่างภาษาเช่น ภาษาSQL ที่ใช้ในฐานข้อมูล เป็นต้น
-ภาษาระดับสูงมากไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถทำงานตามลำพัง จึงต้องทำงานร่วมกับภาษาอื่น ๆ
ภาษาธรรมชาติ(Natural Language)
-ภาษาธรรมชาติไม่สนใจรูปแบบคำสั่งหรือลำดับที่เคร่งครัด
-ผู้ใช้สามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องการในคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคที่ผู้ใช้เข้าใจ คอมพิวเตอร์จะพยายามแปลคำหรือประโยคเพื่อทำตามคำสั่ง
-ภาษาธรรมชาตินิยมนำมาประยุกต์งานด้าน ระบบผู้เชี่ยวชาญ(Expert System)
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN : FORmular TRANslator)
-ใช้สำหรับงานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์
-พัฒนาขึ้นโดย บริษัท ไอบีเอ็ม(IBM)
ภาษาโคบอล (COBOL : COmmon Business Oriented Language)
-ใช้สำหรับงานด้านธุรกิจ เช่น การจัดเก็บ เรียกใช้และประมวลผลด้านบัญชี , คลังสินค้า , การรับและจ่ายเงิน เป็นต้น -พัฒนาโดย สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิต เครื่องคอมพิวเตอร์หลายบริษัท
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาเบสิก (BASIC : Beginner’s All-purpose Symbolic Instruction Code)
-ใช้งานได้หลายด้าน ทั้งด้านธุรกิจและงานอื่นๆ
-พัฒนาโดย สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา(American National Standard Institute : ANSI)
ภาษาปาสคาล (PASCAL : ชื่อของ Blaise Pascal)
-ใช้ในงานด้านการคำนวณทั่วไป ทั้งงานด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจ หรือวิศวกรรม
-พัฒนาโดย นายนิคลอส เวิร์ธ(Niklaus Wirth) แห่ง สถาบันเทคโนโลยีของรัฐ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ภาษาซี (C)
-ใช้สำหรับงานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์
-พัฒนาโดย นายเดนนิส ริชชี่(Dennis Ritchie) สนับสนุนโดยบริษัท เอทีแอนด์ที (AT&T)
ภาษาเอดา (ADA : ชื่อของ Augusta Ada )
-ใช้สำหรับงานด้านทหาร
-สนับสนุนโดยกระทรวงกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอัลกอ (ALGOL : ALGOrithmic Language)
-ใช้สำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์
-ถูกพัฒนาต่อให้เป็นภาษา PL/1 และ PASCAL
ภาษาพีแอลวัน (PL/1)
-ใช้สำหรับงานทั่วไป ทั้งงานธุรกิจและงานการคำนวณ
-ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท ไอบีเอ็ม
ภาษาโลโก้ (LOGO)
-นิยมใช้ในโรงเรียน เพื่อสอนทักษะการแก้ปัญหาให้กับนักเรียน
ภาษาอาร์พีจี (RPG : Report Program Generator)
ภาษาโพรล็อก(PLOLOG : PROgramming LOGic)
-นิยมใช้ในงานด้านปัญญาประดิษฐ์(AI : Artificial Intelligent )
ภาษาลิป (LISP : LISt Processing)
-ใช้สำหรับงานธุรกิจ
ตัวแปลภาษา(Translator Program)
-หมายถึง โปรแกรมที่ทำหน้าที่แปลโปรแกรมต้นฉบับ(Source code) ที่เขียนขึ้น ให้เป็นภาษาเครื่องที่เป็นเลขฐานสองเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ประเภทของตัวแปลภาษา
-โปรแกรมแปลภาษาแบบแอสเซมเบลอ (Assembler)
-โปรแกรมแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์(Compiler)
-โปรแกรมแปลภาษาแบบอินเทอร์พรีเทอร์(Interpreter)
Assembler
-แปลเฉพาะภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเท่านั้น
Compiler
-แปลโปรแกรมต้นฉบับทั้งโปรแกรม ที่เขียนจากภาษาระดับสูง ให้เป็นออบเจ็กต์(Object Code)
-Object code สามารถนำไปใช้ได้ทันที
-ระหว่างการแปล หากพบข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนคำสั่ง จะแสดงข้อผิดพลาดและหยุดการแปล
-เมื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการแปล ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องแก้ไขและแปลใหม่อีกครั้ง
-ตัวอย่างภาษาที่ใช้ compiler ได้แก่ FORTRAN , PASCAL , C , C++ เป็นต้น
Interpreter
-แปลโปรแกรมต้นฉบับทั้งโปรแกรม ที่เขียนจากภาษาระดับสูง ให้เป็นภาษาเครื่อง
-แปล Source code ทีละคำสั่ง ให้เป็น Object code
-ถ้าพบข้อผิดพลาดจะหยุดทำงาน และให้ดำเนินการแก้ไขคำสั่งที่ผิด จึงเริ่มประมวลผลใหม่
-ตัวอย่างภาษาที่ใช้ Interpreter ได้แก่ ภาษา BASIC เป็นต้น
การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
-การโปรแกรมเชิงวัตถุ(Object Oriented Programming : OOP) คือ กระบวนการที่โปรแกรมถูกจัด การให้อยู่ในรูปของวัตถุ(Objects) ในแต่ละวัตถุประกอบด้วยคุณลักษณะ(Attribute) และเมธอด(method) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เขียนขึ้นเพื่อจัดการข้อมูลของวัตถุนั้นๆ
-คุณสมบัติที่สำคัญของ OOP คือ การซ่อนข้อมูล (Encapsulation) , การสืบทอด(Inheritance) และการพ้องรูป(Polymorphism)
-ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียน OOP ได้แก่ ภาษาจาวา(JAVA) , ภาษา C++ , ภาษา Smalltalk เป็นต้น
ภาษาคอมพิวเตอร์ Computer Programming Language หมายถึง สัญลักษณ์ที่ผู้คิดพัฒนาภาษากำหนดขึ้นมา เพื่อใช้แทนการสื่อสาร / สั่งงาน ระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ การพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์เริ่มต้นจากการเขียนคำสั่งด้วยรูปแบบเลขฐานสอง และปัจจุบันพัฒนามาใช้คำสั่งที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษ
ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
แบ่งได้เป็น 5 ประเภท
ภาษาเครื่อง(Machine Language)
ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Language)
ภาษาระดับสูง(High-Level Language)
ภาษาระดับสูงมาก(Very High-Level Language)
ภาษาธรรมชาติ(Natural Language)
ภาษาเครื่อง(Machine Language)
-เป็นภาษาระดับต่ำ
-ใช้คำสั่งที่ประกอบด้วยเลขฐานสอง(Binary Digit หรือ bit) เช่น 01010110 00011001
-ใช้เลข 0 และ 1 เป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาณไฟปิดและเปิด ตามลำดับ
-ภาษาเครื่องเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้โดยตรง จึงไม่ต้องมีตัวแปลภาษา
-โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาเครื่อง จะใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้พัฒนาโปรแกรมเท่านั้น
(machine -dependent)
ภาษาแอสเซมบลี(Assembly Language)
-เรียกอีกอย่างว่า “ภาษาสัญลักษณ์” เป็นภาษาระดับต่ำ
-ใช้รหัสเป็นคำแทนคำสั่งภาษาเครื่อง เป็นคำสั่งสั้น ๆ ที่จดจำได้ง่าย เรียกว่า นิวมอนิกโค้ด(mnemonic code) เช่น
A แทน การบวก(Add)
C แทน การเปรียบเทียบ(Compare)
MP แทน การคูณ(Multiply)
STO แทน การเก็บข้อมูลในหน่วยความจำ(Store)
โปรแกรมภาษาแอสเซมบลี ต้องทำการแปลด้วยโปรแกรมแปลภาษาที่เรียกว่า แอสเซมเบลอ(Assembler) ซึ่งจะแปลโปรแกรมต้นฉบับ(Source code)ที่เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี ให้เป็น ภาษาเครื่อง
ภาษาระดับสูง(High-Level Language)
-ใช้รูปแบบคำภาษาอังกฤษแทนรหัสคำสั่งต่าง ๆ และสามารถใช้นิพจน์ทางคณิตศาสตร์ได้
-เป็นภาษาแบบโพรซีเยอร์ (Procedural Language)
-โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาระดับสูง สามารถทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างชนิดกันได้
-โปรแกรมที่พัฒนาจากภาษาระดับสูง ต้องทำการแปลคำสั่งโปรแกรมต้นฉบับ(Source code) ที่เขียนด้วยภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง
-ตัวอย่างภาษาระดับสูงเช่น ภาษาเบสิก ภาษาปาสคาล ภาษาซี ภาษาโคบอล ภาษาฟอร์แทรน เป็นต้น
ภาษาระดับสูงมาก(Very High-Level Language)
-ใช้คำภาษาอังกฤษแทนคำสั่งงาน เช่นเดียวกับ ภาษาระดับสูง
-เป็นภาษาแบบไม่เป็นโพรซีเยอร์ (non-procedural language)
-เขียนง่ายและสะดวกกว่าภาษาระดับสูง
-ตัวอย่างภาษาเช่น ภาษาSQL ที่ใช้ในฐานข้อมูล เป็นต้น
-ภาษาระดับสูงมากไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถทำงานตามลำพัง จึงต้องทำงานร่วมกับภาษาอื่น ๆ
ภาษาธรรมชาติ(Natural Language)
-ภาษาธรรมชาติไม่สนใจรูปแบบคำสั่งหรือลำดับที่เคร่งครัด
-ผู้ใช้สามารถพิมพ์สิ่งที่ต้องการในคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคที่ผู้ใช้เข้าใจ คอมพิวเตอร์จะพยายามแปลคำหรือประโยคเพื่อทำตามคำสั่ง
-ภาษาธรรมชาตินิยมนำมาประยุกต์งานด้าน ระบบผู้เชี่ยวชาญ(Expert System)
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN : FORmular TRANslator)
-ใช้สำหรับงานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์
-พัฒนาขึ้นโดย บริษัท ไอบีเอ็ม(IBM)
ภาษาโคบอล (COBOL : COmmon Business Oriented Language)
-ใช้สำหรับงานด้านธุรกิจ เช่น การจัดเก็บ เรียกใช้และประมวลผลด้านบัญชี , คลังสินค้า , การรับและจ่ายเงิน เป็นต้น -พัฒนาโดย สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิต เครื่องคอมพิวเตอร์หลายบริษัท
ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาเบสิก (BASIC : Beginner’s All-purpose Symbolic Instruction Code)
-ใช้งานได้หลายด้าน ทั้งด้านธุรกิจและงานอื่นๆ
-พัฒนาโดย สถาบันมาตรฐานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา(American National Standard Institute : ANSI)
ภาษาปาสคาล (PASCAL : ชื่อของ Blaise Pascal)
-ใช้ในงานด้านการคำนวณทั่วไป ทั้งงานด้านวิทยาศาสตร์ ธุรกิจ หรือวิศวกรรม
-พัฒนาโดย นายนิคลอส เวิร์ธ(Niklaus Wirth) แห่ง สถาบันเทคโนโลยีของรัฐ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ภาษาซี (C)
-ใช้สำหรับงานด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์
-พัฒนาโดย นายเดนนิส ริชชี่(Dennis Ritchie) สนับสนุนโดยบริษัท เอทีแอนด์ที (AT&T)
ภาษาเอดา (ADA : ชื่อของ Augusta Ada )
-ใช้สำหรับงานด้านทหาร
-สนับสนุนโดยกระทรวงกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกา
ภาษาอัลกอ (ALGOL : ALGOrithmic Language)
-ใช้สำหรับงานด้านวิทยาศาสตร์
-ถูกพัฒนาต่อให้เป็นภาษา PL/1 และ PASCAL
ภาษาพีแอลวัน (PL/1)
-ใช้สำหรับงานทั่วไป ทั้งงานธุรกิจและงานการคำนวณ
-ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท ไอบีเอ็ม
ภาษาโลโก้ (LOGO)
-นิยมใช้ในโรงเรียน เพื่อสอนทักษะการแก้ปัญหาให้กับนักเรียน
ภาษาอาร์พีจี (RPG : Report Program Generator)
ภาษาโพรล็อก(PLOLOG : PROgramming LOGic)
-นิยมใช้ในงานด้านปัญญาประดิษฐ์(AI : Artificial Intelligent )
ภาษาลิป (LISP : LISt Processing)
-ใช้สำหรับงานธุรกิจ
ตัวแปลภาษา(Translator Program)
-หมายถึง โปรแกรมที่ทำหน้าที่แปลโปรแกรมต้นฉบับ(Source code) ที่เขียนขึ้น ให้เป็นภาษาเครื่องที่เป็นเลขฐานสองเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ประเภทของตัวแปลภาษา
-โปรแกรมแปลภาษาแบบแอสเซมเบลอ (Assembler)
-โปรแกรมแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์(Compiler)
-โปรแกรมแปลภาษาแบบอินเทอร์พรีเทอร์(Interpreter)
Assembler
-แปลเฉพาะภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเท่านั้น
Compiler
-แปลโปรแกรมต้นฉบับทั้งโปรแกรม ที่เขียนจากภาษาระดับสูง ให้เป็นออบเจ็กต์(Object Code)
-Object code สามารถนำไปใช้ได้ทันที
-ระหว่างการแปล หากพบข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนคำสั่ง จะแสดงข้อผิดพลาดและหยุดการแปล
-เมื่อเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการแปล ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องแก้ไขและแปลใหม่อีกครั้ง
-ตัวอย่างภาษาที่ใช้ compiler ได้แก่ FORTRAN , PASCAL , C , C++ เป็นต้น
Interpreter
-แปลโปรแกรมต้นฉบับทั้งโปรแกรม ที่เขียนจากภาษาระดับสูง ให้เป็นภาษาเครื่อง
-แปล Source code ทีละคำสั่ง ให้เป็น Object code
-ถ้าพบข้อผิดพลาดจะหยุดทำงาน และให้ดำเนินการแก้ไขคำสั่งที่ผิด จึงเริ่มประมวลผลใหม่
-ตัวอย่างภาษาที่ใช้ Interpreter ได้แก่ ภาษา BASIC เป็นต้น
การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
-การโปรแกรมเชิงวัตถุ(Object Oriented Programming : OOP) คือ กระบวนการที่โปรแกรมถูกจัด การให้อยู่ในรูปของวัตถุ(Objects) ในแต่ละวัตถุประกอบด้วยคุณลักษณะ(Attribute) และเมธอด(method) ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เขียนขึ้นเพื่อจัดการข้อมูลของวัตถุนั้นๆ
-คุณสมบัติที่สำคัญของ OOP คือ การซ่อนข้อมูล (Encapsulation) , การสืบทอด(Inheritance) และการพ้องรูป(Polymorphism)
-ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้เขียน OOP ได้แก่ ภาษาจาวา(JAVA) , ภาษา C++ , ภาษา Smalltalk เป็นต้น
0 comments:
Post a Comment