Saturday, July 18, 2015

                 เป็นระบบที่เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อใช้เป็นฐานในการตัดสินใจในการปฏิบัติงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบ ผู้เชี่ยวชาญ  เป็นระบบที่อาศัยความรู้เป็นพื้นฐาน เป็นระบบที่มีความเกี่ยวข้องกับการช่วยตัดสินใจ ซึ่งสามารถใช้ได้กับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) ได้ทุกเรื่อง
                  ระบบผู้เชี่ยว ชาญ [Expert Systems (ES)] หมาย ถึง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แสดงความสามารถได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ หรือในงานเฉพาะอย่าง (ทักษิณา สวนานนท์.2539:99) หรือหมายถึงระบบโปรแกรมใช้งาน (Software systems) ซึ่ง มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันใน เรื่องของกระบวนการในการใช้เหตุผล (Reasoning process) และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำแนะนำ แกผู้ที่ต้องตัดสินใจ ซึ่งพบในผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ เช่น ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจมีความรู้สึกอย่างไร ระหว่างความเสี่ยงกับอัตราการเจริญเติบโตของการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และถ้าลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนอย่างไร เป็นต้น และหลังจากที่ได้รับคำตอบจากลูกค้าแล้ว ระบบผู้เชี่ยวชาญก็จะถามต่อไปจนกว่าจะมีการแนะนำแฟ้มเอกสาร หลังจากนั้นระบบก็จะดึงฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ มาใช้ (User) เช่น รายละเอียดตัวหุ้น ประวัติต่าง ๆ รายงานการวิจัย และการพยากรณ์ทางด้านเศรษฐกิจ
6
                ระบบ ปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (AI)] หมายถึง อุปกรณ์ที่ต้องอาศัยการรับคำสั่ง เพื่อสามารถทำงานให้ได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ หรือหมายถึง การทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดหาเหตุผลได้ เรียนรู้ได้ ทำงานได้เหมือนสมองมนุษย์ (ทักษิณา สวนานนท์.2539:13) ซึ่งการำงานมีลักษณะเช่นเดียวกันกับการประมวลผลของสมองมนุษย์ ฉะนั้นความสามารถของคอมพิวเตอร์ทางด้านสติปัญญา และด้านพฤติกรรมจึงมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์

                สิ่งที่สำคัญทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) มี 2 ประการ คือ
(1) ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาธรรมชาติ
(2) ความสามารถที่จะให้เหตุผล ดังนั้น ความหมายของปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงหมายถึง ความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบการทำงานคล้ายคลึงกับสติปัญญาของ มนุษย์ จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence (AI)]

                  ระบบสำนักงานอัตโนมัติ  หรือโอเอเอส [Office Automation System – OAS] โดยสามารถจำแนกระบบสำนักงานอัตโนมัติออกตามหน้าที่เป็น 
                         
     1)  การสื่อสารภายในสำนักงาน เช่น  ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ (e-mail)   ไปรษณีย์เสียงหรือเมล์เสียง (voice mail) การประชุมทางไกล (teleconferencing)  โทรสาร (fax)  เป็นต้น

     2)  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักงาน  เช่นการประมวลคำ (word processing)  การประมวลภาพลักษณ์ (image processing)  การพิมพ์ตั้งโต๊ะ ซึ่งเป็นการผลิตเอกสารที่มีคุณภาพดีการออกแบบกราฟิกและรูปแบบประเภทต่างๆ  (desktop publishing) การแปลงภาพและเอกสารในรูปดิจิทัล (digitization)

      3)  เพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน ปฏิบัติงานร่วมกัน เช่น กรุ๊ปแวร์ (groupware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สนับสนุนการทำงานร่วมกัน มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ การสื่อสาร การร่วมมือ (collaboration)  และการประสานงาน (coordination) ระบบอินทราเน็ต เป็นทางเลือกที่สำคัญของการใช้ กรุปแวร์
                    ระบบงานสร้างความรู้  [Knowledge Work Systems – KWS]  เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนบุคลากรที่ทำงานด้านการสร้างความรู้เพื่อพัฒนาการ คิดค้น สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  บริการใหม่ ความรู้ใหม่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน  หน่วยงานต้องนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาสนับสนุนให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้โดย สะดวก สามารถแข่งขันได้ทั้งในด้านเวลา คุณภาพ และราคา  ระบบต้องอาศัยแบบจำลองที่สร้างขึ้น  ตลอดจนการทดลองการผลิตหรือดำเนินการ ก่อนที่จะนำเข้ามาดำเนินการจริงในธุรกิจ  ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่ในรูปของ สิ่งประดิษฐ์  ตัวแบบ  รูปแบบ

                   เป้าหมายของระบบสารสนเทศ
                - เพิ่มประสิทธฺภาพ  ทำได้รวดเร็ว ถูกต้อง    - เพิ่มผลผลิต  ควบคุมขั้นตอนการผลิต  วัตถุดิบ ฯลฯ
                - เพิ่มคุณภาพในการบริการลูกค้า  อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น การสำรองที่นั่ง ตรวจสอบเวลา
                - ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลิตภัณฑ์   การพยากรณ์ความต้องการสินค้าของผู้บริโภค รูปแบบสินค้าที่ลูกค้าต้องการ
                - สามารถสร้างทางเลือกในการแข่งขัน  เช่นสร้างแบบจำลองที่แตกต่างจากเดิม             
                - การสร้างโอกาสทางธุรกิจ
                - การดึงดูดลูกค้าไว้และป้องกันคู่แข่งขัน  การใช้สารสนเทศเพื่อสร้างความประทับให้แก่ลูกค้า

                ประโยชน์ของระบบสารสนเทศ
                - เข้าถึงสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อความต้องการใช้ประโยชน์
                - นำข้อมูลช่วยในการวางแผนปฏิบัติการและการจัดการ                   
                - ใช้ศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา
                - สามารถตรวจสอบผลการดำเนินงาน ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่
                - วิเคราะห์ปัญหาหรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อหาวิธีการควบคุม              
                - ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลา  แรงงานและค่าใช้จ่ายในการทำงานลง
Categories:

0 comments:

Post a Comment

Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!